20.30 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ผู้โดยสารขาออก ทางเข้าประตู 10 บริเวณพื้นที่จุดนัดพบ เจ้าหน้าที่และหัวหน้าทัวร์คอยต้อนรับ และรับเอกสารประกอบการเดินทาง จากนั้นนำท่านเช็คอินที่เคาร์เตอร์ สายการบิน รอยัล จอร์แดน (RJ) (กระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 23 กิโลกรัม และถือขึ้นเครื่องท่านละ 1 ใบ ขนาด 30ซม. x 20ซม.x 40ซม. ไม่เกิน 7 กิโลกรัม)
00.25 น. ออกเดินทางสู่กรุงอัมมาน โดยสายการบิน รอยัล จอร์แดน เที่ยวบินที่ RJ183 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง พร้อมจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง)
05.10 น. ถึงสนามบินควีนอเลีย(AMM), กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เจ้าหน้าที่คอยต้อนรับ และช่วยอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าให้แก่คณะ หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าสัมภาระและผ่านศุลกากร มีเวลาให้ท่านได้ทำการแลกเงินสกุลท้องถิ่น หรือเลือกซื้อซิมโทรศัพท์ (เวลาที่ประเทศจอร์แดนช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง แนะนำให้ทุกท่านตั้งเวลาเป็นเวลาท้องถิ่นทันทีที่ไปถึงเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมาดาบา “Madaba” (ระยะทาง 22 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เมืองแห่งโมเสก ว่ากันว่าที่นี่มีงานศิลปะโมเสกที่สวยงามมาก เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของประเทศจอร์แดน ผู้คนตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่มานานกว่า 4,500 ปี
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
หลังอาหารเช้านำท่านเดินชมบรรยากาศเมืองมาดาบายามเช้า ชมโบสถ์กรีกออโธ ดอกซ์ แห่งเซนต์จอร์จ บนพื้นโบสถ์มีแผนที่ทำด้วยกระเบื้องโมเสกสีสวยงามจำนวนกว่า 2 ล้านชิ้น มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลก สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 6 หรือราว ๆ ปี ค.ศ. 600 ในยุคไบเซนไทน์ แสดงให้เห็นพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในอดีต เนินเขา หุบเขา หมู่บ้าน ตัวเมือง ครอบคลุม ไปจนถึงปากแม่น้ำไนล์ ในแถบรอบทะเล เมดิเตอร์เรเนียน เยรูซาเลม จอร์แดน ทะเลเดดซี และอียิปต์
จากนั้นเราไปต่อกันที่บริเวณ เขาเนโบ “Mt’ Nebo” (ระยะทาง 10 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะเป็นบริเวณที่เสียชีวิตและฝังศพของโมเสส (ในศาสนายูดาห์ และศาสนาคริสต์) หรือ นบีมูซา (ในศาสนาอิสลาม) ผู้นำคำสอนบัญญัติสิบประการของพระยะโฮวาห์ ลงมาเผยแผ่สู่มนุษย์ และนำชาวยิวเดินทางออกจากอียิปต์มายังดินแดนแห่งพันธสัญญาคานาอัน ชมโบสถอ์นุสรณ์โมเสส ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงโมเสส สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 300-400 ในยุคไบเซนไทน์ ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมเก็บสิ่งของต่าง ๆ ที่ขุดพบในบริเวณนี้ พร้อมทั้งให้ท่านชมวิวและเก็บภาพบรรยากาศ ในยามที่อากาศสดใสท่านจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของแม่น้ำจอร์แดน ทะเลเดดซี ที่เป็นแนวกันระหว่างประเทศจอร์แดนกับ อิสราเอล และอาจมองได้ไกลจนถึงนครเยรูซาเล็ม หรือดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสามศาสนา
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองอัล-คารัค “AL-Karak” (ระยะทาง 125 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านเข้าชมปราสาทเครัค ป้อมปราการอันแข็งแกร่ง ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1142 โดยในอดีตเคยเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางของนักรบครูเสด เพื่อเป็นด่านหน้าและควบคุมเส้นทางสำหรับต่อสู้ในสงครามครูเสดกับกองทัพมุสลิม ก่อนที่จะประชิดถึงกรุงเยรูซาเล็มทั้งจากทางเหนือและใต้ กระทั่งในปี ค.ศ. 1187 ได้ถูกนักรบมุสลิมเข้าทำลาย ภายใต้การนำทัพของ เศาะลาฮุดดีน อัลอัยยูบี หรือ ซาลาดิน ผู้ก่อตั้งราชวงศ์อัยยูบีย์ สุลต่านผู้ปกครองอียิปต์ ซีเรีย เยเมน ปาเลสไตน์ และยังเป็นผู้นำในการยึดเมืองเยรูซาเลมกลับคืนมาในวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1187 ซึ่งทำให้ยุคแห่งการยึดครองภายใต้คริตจักรกว่า 88 ปีต้องสิ้นสุดลง ให้ท่านเพลิดเพลินกับทัศนีย์ภาพอันงดงามของตัวป้อมปราสาทที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงขนาดใหญ่
กระทั่งถึงเวลาอันสมควรนำท่านออกเดินทางสู่เมืองวาดี มูซา “Wadi Musa” (ระยะทาง 138 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) ที่ตั้งของ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ที่รู้จักกันในชื่อ เมืองเพตรา มหานครสีชมพู นำท่านเช็คอินเข้าสู่ที่พักและผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก PETRA PANORAMA HOTEL, PETRA ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเข้าชมเขตอุทยานเพตรา มหานครศิลาทรายสีชมพู ที่แกะสลักขึ้นจากภูเขาทั้งลูก สถานที่แห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หุบเขาวาดี มูซา ที่สูงชันประดุจเป็นปราการอันยิ่งใหญ่ จนถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำของผู้คนและสูญหายไปจากแผนที่นานนับพันปี กระทั้งในปี ค.ศ.1812 โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท นักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ เดินทางผ่านมาพบและออกมาเขียนหนังสือเล่าขานถึงความสวยงามและความมหัศจรรย์ของนครเพตรา จึงทำให้เพตราเริ่มปรากฏแก่สายตาชาวโลกอีกครั้ง และใน ปี ค.ศ.1985 องค์การยูเนสโก้ “UNESCO” ได้ประกาศให้เพตรา เป็นเมืองมรดกโลก โดยกล่าวอธิบายไว้ว่าเป็น หนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ “One of the most precious cultural properties of man's cultural heritage” และยังได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย นำท่านเดินมุ่งหน้าไปบนเส้นทางมหัศจรรย์ที่ทางเข้าออกของเมืองเพตรา พร้อมชมทัศนียภาพรอบข้างที่เป็นภูเขาทั้งสองฝั่งที่มีรูปร่างหน้าตาต่างกันออกไป จากนั้นเดินเข้าสู่เมืองบริเวณซอกเขาเรียกว่าซิค SIQ เป็นหุบเขาสูงกว่า 250 ฟุต ที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการกัดเซาะของน้ำเมื่อหลายล้านปีก่อนจนเกิดเป็นช่องทางเดินเล็กๆ ระหว่างหุบเขา ชมสีสันความสวยงามของหินสีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ และยังมีภาพศิลปะแกะสลักจากภูเขา อาทิ รูปปั้นแกะสลักต่าง ๆ เช่น รูปปั้นเทพเจ้าต่าง ๆ กองคาราวานอูฐ, รูปชาวนาบาเทียน, ชมท่อส่งลำเลียงน้ำเข้าสู่เมือง ฯลฯ อีกมากมาย
สุดปลายทางแห่งเขตหน้าผาสูงชั้นสองข้างทาง ท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของมหานครแห่งศิลาทรายสีชมพู มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ “EL-Khazneh Treasury” สถานที่แห่งนี้ถูกสันนิษฐานว่าถูกสร้างโดยชาวนาบาเธียน ในราวศตวรรษที่ 1 - 2 โดยผู้ปกครองเมืองในเวลานั้น มหาวิหารถูกแกะสลักเป็นอาคารสองชั้น จากภูเขาสีชมพูทั้งลูก กลมกลืนได้สัดส่วน สวยงาม และน่าอัศจรรย์ อิสระในการเดินชมและเก็บภาพบรรยากาศ
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
หลังอาหารกลางวันนำท่านเดินทางสู่ เขตอุทยานวาดิรัม (ระยะทาง 120 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) ทะเลทรายแห่งนี้ในอดีตเป็นเส้นทางคาราวาน จากประเทศ ซาอุฯ เดินทางไปยังประเทศซีเรียและปาเสลไตน์ เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวนาบาเทียน ก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานไปสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่เมืองเพตรา
นำท่านทำการเช็คอินที่พัก จากนั้นนำท่านนั่งรถกระบะ 4x4WD ท่องทะเลทรายที่ถูกกล่าวขานว่าสวยงามที่สุดของโลกแห่งหนี่ง ด้วยเม็ดทรายละเอียดสีส้มอมแดงปรับเปลี่ยนไปตามแสงของดวงอาทิตย์ ในสงครามอาหรับระหว่างปี ค.ศ. 1916–1918 ทะเลทรายแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นฐานบัญชาการรบของนายทหารชาวอังกฤษ ทีอี ลอว์เรนซ์ และเจ้าชายไฟซาล ผู้นำแห่งชาวอาหรับ ร่วมรบขับไล่กองทัพออตโตมันที่เข้ามารุกรานเพื่อครอบครองดินแดน และต่อมายังได้ถูกใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูด อีกหลายเรื่อง แต่เรื่องที่ทำให้มีชื่อเสียงไปทั่งโลกคือ “Lawrence of Arabia” ในปี ค.ศ.1963 ที่กวาดรางวัล ออสการ์ได้ถึง 7 รางวัล และรางวัลจากสถาบันอื่นๆ อีกกว่า 30 รางวัล
หลังท่องทะเลทรายเสร็จ อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศแสงสีทองรำไรของพระอาทิตย์ยามอัสดงที่ทะเลทรายวาริดัม
ค่ำ บริการอาหารค่ำ แบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของแคมป์ที่พัก
ที่พัก LUXURY RUM MAGIC WADIRUM, WADIRUM หรือเทียบเท่า
ห้องพักแบบดีลักซ์ พร้อมเครื่องปรับอากาศ และห้องน้ำส่วนตัว
(OPTIONAL) : ให้ท่านได้มีโอกาสสัมผัสบรรยากาศ ของการขี่อูฐ ชมและเก็บภาพบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทรายวาริดัม มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 20 JOD ต่อท่าน โดยใช้เวลาในการขี่และชมบรรยากาศ ประมาณ 40 นาที สนใจกรุณาติดต่อหัวหน้าทัวร์ 1 วันล่วงหน้า)
เช้า บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ณ ที่ห้องอาหารของแคมป์ที่พัก
จากนั้นทำการเช็คเอาท์จากแคมป์ที่พัก และนำท่านเดินทางสู่เขตทะเลเดดซี (ระยะทาง 350 กม. เดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที.)
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ระหว่างทางแวะให้ท่านได้ ช็อปปิ้งที่ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเดดซี เช่น โคลนพอกตัว พอกหน้า สบู่ และสินค้าอื่นที่ทำจากเดดซีอีกมากมาย จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พักเพื่อทำการเช็คอิน และ อิสระพักผ่อน ลงเล่นน้ำทะเลและพิสูจน์ความจริงว่าท่านสามารถลอยตัวในน้ำทะเลแห่งนี้ได้จริงหรือไม่ ให้ท่านเลือกบำรุงผิวพรรณโดยการพอกโคลนจากทะเลเดดซี หรือเลือกพักผ่อนตามอัธยาศัยภายในบริเวณโรงแรมที่พัก
(การลงเล่นน้ำในทะเลนั้น มีวิธีขั้นตอนการลงเล่น และข้อควรระวังต่าง ๆ ควรฟังคำแนะนำจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่น และหัวหน้าทัวร์)
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ที่พัก RAMADA RESORT, DEAD SEA ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเจอราช “Jerash” (ระยะทาง 50 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เมืองที่รู้จักกันในนาม นครพันเสา หรือ ปอมเปอีแห่งตะวันออก อดีต 1 ใน 10 หัวเมืองเอกด้านตะวันออกของอาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่ สันนิษฐานว่าเมืองนี้น่าจะถูกสร้างในราว 200 – 100 ปี ก่อนคริสตกาล นครแห่งนี้ได้ถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำลาย และถูกฝังกลบโดยทรายในช่วงประมาณปี ค.ศ. 749 หลังจากนั้นก็ได้สูญหายไปเป็นนับพันปี ปัจจุบันถือเป็นเขตเมืองเก่าโรมันที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดีที่สุด (นอกเขตประเทศอิตาลี) ภายในกำแพงเมืองที่เหลืออยู่ นักโบราณคดีได้พบซากปรักหักพัง ของการตั้งถิ่นฐานของอารยะธรรมมนุษย์ย้อนหลังไปถึงยุคหินสมัยใหม่ ซึ่งเป็นเวลานานกว่า 6,500 ปี นำท่านเดินบนถนนคาร์โด หรือ ถนนโคลอนเนด ถนนสายหลักที่ใช้เข้า-ออกเมืองแห่งนี้ บนถนนนั้นยังมีริ้วรอยทางของล้อรถม้า, ฝาท่อระบายน้ำ, ซุ้มโคมไฟ, บ่อน้ำดื่มของม้า ชมซุ้มประตูกษัตริย์เฮเดรียน และสนามแข่งม้าฮิปโปโดรม ผ่านเข้าประตูทางทิศใต้ โอวัลพลาซ่า สถานที่ชุมนุม พบปะ สังสรรค์ของชาวเมือง, วิหารเทพซีอุส ฯลฯ โรงละครทางทิศใต้ (สร้างในราว ปี ค.ศ. 90-92) จุผู้ชมได้ถึง 3,000 คน มีจุดเสียงสะท้อนตรงกลางโรงละคร เชิญท่านทดสอบความอัศจรรย์ เพียงพูดเบา ๆ ก็จะมีเสียงสะท้อนก้องเข้ามาในหูของเรา ชม วิหารเทพีอาร์เทมิส เทพีประจำเมืองเจอราช สร้างในราวปี ค.ศ. 150 เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับทำพิธีบวงสรวง และ บูชายัญต่อเทพีองค์นี้ แบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นกลาง และ ชม น้ำพุใจกลางเมือง “Nymphaeum” สร้างในราวปี ค.ศ. 191 เพื่ออุทิศแด่เทพธิดาแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวเมืองแห่งนี้ มีที่พ่นน้ำเป็นรูปหัวสิงโตทั้งเจ็ด และตกแต่งด้วยเทพต่างๆ ประจำซุ้มด้านบนของน้ำพุ ฯลฯ
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
จากนั้นนำคณะเดินทางกลับเข้าสู่กรุงอัมมาน (ระยะทาง 70 กิโลเมตร เดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที) นครอันเก่าแก่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นำท่านชมกรุงอัมมาน เมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนภูเขา 7 ลูก และมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 6,000 ปี ชมป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน “Amman Citadel” บนยอดเขาสูงสุดในกรุงอัมมาน ถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้านการเมืองต่าง ๆ รอบเมือง แม้จะเหลือเพียงซากปรักหักพังแต่ยังสวยงามและมีอายุย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยยุคหิน เผยให้เห็นอิทธิพลด้านสถาปัตยกรรมที่มาจากยุคเหล็ก รวมถึงยุคโรมัน ยุคไบแซนไทน์ และยุคอุมัยยะฮ์
ชม วิหารเฮอร์คิวลิส “Temple of Hercules” ที่สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.162-166 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าวิหารที่อยู่ในกรุงโรมโบราณเสียอีก ใกล้กันนั้นมีมือรูปกำปั้นขนาดใหญ่ที่ทำจากหินอ่อนเผยให้เห็นความขาวโพลนจนแทบไม่มีเลือด จากนั้นเดินผ่านทางเข้าที่เป็นแนวเสาระเบียงหินขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณปลายหน้าผา ตรงนี้จะเป็นจุดชมวิว พาโนรามาอันสวยงามของเมือง
ชมโรงละครโรมัน อายุกว่า 2,000 ปี ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของนครอัมมาน แต่ปัจจุบันก็ยังทำให้ผู้ที่พบเห็นได้ทึ่งกับการวางแผนทางด้านงานวิศวกรรมของโรมัน อันชาญฉลาดและมีดีไซน์ที่น่าจดจำ โรงละครโรมัน แห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากที่สุดในอัมมาน โรงละครมีความลาดเอียงลึกลงไป เอื้อให้เสียงที่ได้ยินรอบตัวนั้นมีคุณภาพเยี่ยม การออกแบบสุดสร้างสรรค์นี้สามารถบรรจุคนได้ประมาณ 6,000 คน สันนิษฐานว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 161-180 สมัยการปกครองของ แอนโทนิอุส ปิซุส “Antoninus Pius”
จากนั้นอิสระให้ท่านช็อปปิ้งที่ห้าง City Mall Center ซึ่งมีสินค้าให้ท่านเลือกมากมายเป็นของฝากจากจอร์แดนมากมาย และที่ขาดไม่ได้คือผลิตภัณฑ์จาก ถั่ว และอิทผาลัม อันขึ้นชื่อจากร้าน Al Shaab Nut Stories อันเป็นร้านของฝากยอดนิยมของจอร์แดน โดยร้านดั้งเดินเริ่มต้นจากร้านเล็กๆ ที่เมืองอควาบา และได้รับความนิยมมากจนมาเปิดสาขาที่กรุงอัมมาน
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินควีนอเลีย
22:00 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติอัมมาน ควีน อาเลีย ทำการเช็คอินไฟลท์ RJ182 กลับสู่กรุงเทพฯ (กระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องได้ น้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 23 กิโลกรัม และถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม)
02:15 น. ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสายการบิน รอยัล จอร์แดน เที่ยวบินที่ RJ182 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
15:15 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ |
---|---|---|---|
07 ธ.ค. 67 - 12 ธ.ค. 67 | 59,900 บาท | 8,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม |
เงื่อนไขการยกเลิกและการคืนเงินค่าทัวร์
กรณีบริษัทแจ้งยกเลิกการเดินทาง เนื่องจากมีจำนวนผู้เดินทางไม่ถึงขั้นต่ำ บริษัทจะทำการแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าก่อนการเดินทางไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนถึงกำหนดการเดินทาง ทั้งนี้หากผู้เดินทางประสงค์จะเดินทางต่อ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิในการปรับราคาค่าบริการเพิ่ม โดยทางบริษัทจะทำการแจ้งค่าบริการใหม่ให้ท่านทราบก่อนล่วงหน้า หรือทางบริษัทยินดีคืนเงินโดยหักเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามจริงเท่านั้น (อาทิ ค่าวีซ่ากรณีมีการยื่นวีซ่าล่วงหน้า) ซึ่งในกรณีนี้ทางบริษัทฯ ยินดีคืนเงิน ภายใน 7 วันทำการ
กรณีลูกค้าขอยกเลิกการเดินทาง หรือเลื่อนการเดินทาง จะต้องแจ้งยกเลิกกับทางบริษัทอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร โดยแฟกซ์ อีเมล์ หรือ มาเซ็นเอกสารยกเลิกที่บริษัท อย่างใดอย่างหนึ่ง (ทางบริษัทไม่ขอรับยกเลิกการจอง ผ่านทางโทรศัพท์ไม่ว่ากรณีใดๆ) และหากมีการคืนมัดจำทางบริษัทจะดำเนินการคืนเงินภายใน 14 วัน โดยบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินตามช่องทางที่ได้รับมาเท่านั้น
เงื่อนไขการคืนเงินค่าบริการ ตาม “ประกาศคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เรื่องหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำหนดอัตราการจ่ายเงินค่าบริการคืนให้แก่นักท่องเที่ยว พ.ศ. 2563”
ยกเลิกก่อนการเดินทางมากกว่า 30 วัน (ไม่นับวันเดินทาง) คืนเงินค่าทัวร์เต็มจำนวน ยกเว้น ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงเพื่อการเตรียมการนำเที่ยวทั้งหมด เช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าบริการแลนด์ ค่ามัดจำที่พัก ต่างประเทศ และ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ เป็นต้น”
ยกเลิกไม่น้อยกว่า 15-29 วันก่อนเดินทาง (ไม่นับวันเดินทาง) คืนเงินร้อยละ 50 ของค่าทัวร์ทั้งหมด และขอสงวนสิทธิ์เรียกเก็บเพิ่มเติมกรณีมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงเพื่อการเตรียมการนำเที่ยว ทั้งหมด เช่น ค่าตั๋วเครื่อง ค่าบริการแลนด์ ค่ามัดจำที่พัก ร้านอาหารในต่างประเทศ และ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ เป็นต้น”
ยกเลิกก่อนการเดินทางน้อยกว่า 15 วัน ขอเก็บค่าใช้จ่าย 100% เต็มของราคาค่าทัวร์ทั้งหมด
กรณีเจ็บป่วย จนไม่สามารถเดินทางได้ จะต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรับรองเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์เรียกเก็บค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง
กรณีหากมีการยกเลิกการเดินทางโดยไม่ใช่ความผิดของบริษัท ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ ทำการเก็บค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง เช่น ค่าวีซ่าและค่าบริการยื่นวีซ่า ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน หรือ ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่ายกเลิกล่าช้าจากทางโรงแรม เป็นต้น หรือกรณีที่ท่านยกเลิกการเดินทางและมีผลทำให้คณะไม่สามารถเดินทางได้ หรือไม่ครบตามจำนวนขั้นต่ำที่บริษัทกำหนดไว้ บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าทัวร์ทั้งหมด เพื่อนำไปชำระค่าเสียหายต่างๆ ที่เกิดจากการยกเลิกของท่าน
การยกเลิกเดินทางกับกรุ๊ปที่ออกเดินทางช่วงเทศกาลวันหยุด เช่น ปีใหม่, สงกรานต์ เป็นต้น บางสายการบินมีการเรียกเก็บมัดจำและการันตีที่นั่งล่วงหน้าสูง และมีความจำเป็นต้องมัดจำห้องพักล่วงหน้าเร็วกว่าปรกติ รวมถึงเที่ยวบินพิเศษ เช่น เที่ยวบินเหมาลำ หรือ Charter Flight ที่ส่วนใหญ่จะเรียกเก็บเงินล่วงหน้าเต็มจำนวนและไม่มีการคืนเงิน หากมีการยกเลิกบริษัทขอสงวนสิทธิ์เรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงไม่ว่ายกเลิกด้วยกรณีใดๆ